อันตรายจาก โรคอ้วน มีมากมายและเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องเจ็บป่วย
สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับการรักษาสุขภาพไม่ให้เป็น โรคอ้วน คือ ต้องออกกำลังกายเป็นประจำ หากขาดการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันจับตัวกันหนาขึ้น ร่างกายจึงไม่สามารถเผาผลาญไขมันที่สะสมออกไปจากร่างกายได้หมด ความสมดุลของร่างกายจึงไม่เกิดขึ้น และเกิดจากปัญหาของระบบการเผาผลาญอาหารและการดูดซึมอาหารของร่างกายทำงานไม่ดี เกิดจากความเครียด เกิดจากการใช้ยาต่างๆ และสารเคมีปนเปื้อนที่อยูในอาหาร เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่มีคณค่าทางโภชนาการเข้าไปมากเกินความจำเป็น ซึ่งหากคุณไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายของคุณก็จะสะสมไขมันไปเรื่อยๆ และหนาขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คุณเป็น โรคอ้วน หรือ คนอ้วน ในที่สุด การออกกำลังกายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวันของทุกคน หากคุณไม่ออกกำลังกายจะทำให้มีผลต่อสุขภาพโดยรวมของคุณอย่างแน่นอน เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายย่อมถดถอยหรือเสื่อมสภาพลงตามอายุที่มากขึ้น สังเกตุดูง่ายๆ คนส่วนใหญ่ที่มีอายุมากขึ้นจะเป็น โรคอ้วน หรือ คนอ้วน ส่วนใหญ่แล้ว โรคอ้วน นั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงวัยกลางคนขึ้นไป หรือในช่วงอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายไม่จำเป็นต้องนำเอาอาหารไปเสริมสร้างความเจริญเติบโตให้กับร่างกายแล้ว ดังนั้นอาหารที่กินเข้าไปส่วนใหญ่หากร่างกายเผาผลาญไม่ทันจึงเกิดเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งตรงกันข้ามกับเด็ก รวมทั้งคนที่อยู่ในวัยสะรุ่น วัยหนุ่ม วัยสาว ที่ร่างกายยังคงจำเป็นต้องนำเอาสารอาหารต่างๆ ไปสร้างความเจริญเติบโตให้กับร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เด็ก หรือ วัยหนุ่ม วัยสาว จะไม่อ้วน บอกกันดังๆ ตรงนี้เลยว่า ทุกคนมีสิทธิ์อ้วนเหมือนกันหมด หากบุคคลคนนั้นรับประทานอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายก็จะเกิดไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น จนในที่สุดก็เป็น โรคอ้วน หรือ คนอ้วน ได้เหมือนกัน
โรคอ้วน หรือคนที่มีรูปร่าง อ้วน จนทำให้ผู้คนในสังคมมองว่าคุณเป็น คนอ้วน นอกจากจะทำให้รูปร่างไม่ดี ใส่เสื้อผ้าไม่สวย ดูยังไงก็อ้วน ทำให้คุณขาดความมั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คนในสังคม ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของ คนอ้วน นั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของโรคที่มักจะแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าคนผอมอย่างแน่นอน ซึ่งสังเกตุได้ง่ายว่า คนอ้วน นั้นมักจะมีการหายใจลำบาก หอบ และเหนื่อยง่ายกว่าคนผอมหรือคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็น โรคอ้วน ยิ่งอ้วนมากเท่าใดก็ยิ่งมีอาการหนักมากเท่านั้น สมองมักไม่ค่อยพัฒนา ความสามารถในการทำงานลดลง ขาดความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวร่างกาย ขาดความคล่องตัว มักมีอาการของ ข้ออักเสบ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดเข่า ปวดข้อ ปวดกระดูก ปวดข้อเท้า อยู่เสมอ เนื่องจาก ข้อเข่า และ ข้อเท้า ต้องรองรับน้ำหนักอันมหาศาลนั้นเอาไว้ตลอด คุณลองนึกภาพขณะที่คุณกำลังยกสิ่งของหรือแบกสิ่งของหนักๆ คุณจะมีความรู้สึกว่าเดินแทบไม่ไหว อยากจะวางสิ่งของที่ตนเองแบกรับเอาไว้บนบ่า และหากคุณชอบดูกีฬายกน้ำหนัก คุณคงเคยเห็นนักกีฬาที่ยกน้ำหนักที่มันหนักเกินไปจนรับไม่ไหว จะสังเกตุเห็นว่าแข้งขานักกีฬายกน้ำหนัก ที่ยกน้ำหนักที่หนักมากๆ แข้งขาเขาจะสั่นเพราะน้ำหนักที่ยกขึ้นไปนั้นมีน้ำหนักที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้ เมื่อยกขึ้นไปแล้วก็ต้องรีบวางลง เช่นเดียวกัน หากน้ำหนักตัวคุณมาก แข้งขาก็ต้องแบกรับน้ำหนักเหมือนกัน หากปล่อยให้ไขมันสะสมไปเรื่อยๆ เกิดเป็น โรคอ้วน หรือ คนอ้วน มากขึ้นไปเรื่อยๆ บอกตรงๆ ว่า โรคอ้วน อันตรายมาก อันตรายถึงชีวิตเลยก็ว่าได้เพราะมีโรคแทรกซ้อนสารพัดโรคที่จะทำให้คุณไม่สบายในอนาคต นั่นเอง
โรคอ้วน หากเป็นมากๆ ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ยอมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อนาคตต่อไปจะไม่ใช่แค่เป็น คนอ้วน เท่านั้น ความอ้วนมากๆ ยังเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคข้อเข่าอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดแข็ง โรคไต โรคถุงน้ำดี ไขมันพอกตับ เป็นต้น นอกจากนี้ คนอ้วน มักมีภูมิต้านทานโรคต่ำจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเจ็บป่วยบ่อย และ คนอ้วน มักอายุสั้นกว่าคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้อ้วน ไม่ต้องสงสัยอะไรเลยว่าทำไม คนอ้วน ถึงได้มีอายุสั้นกว่าคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็น คนอ้วน คุณลองกลับไปดูข้อความรายชื่อโรคแทรกซ้อนด้านบนที่เราได้กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ว่ามีสารพัดโรคที่มันคอยทำร้ายร่างกายคุณ ถามกันตรงๆ ว่า คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม "เดินไปประมาณ 100 เมตร หรือไม่เกิน 500 เมตร รู้สึกเหนื่อยเอามากๆ" เคยเป็นแบบนี้บ้างไหม ในฐานะที่ผู้เขียนเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน ก็เลยอยากจะเอามาฝากเตือนท่านผู้อ่านว่า ผู้เขียนเคยอ้วนมาก น้ำหนักเกือบๆ 90 กิโลกรัม ผู้เขียนเดินไปซื้อสินค้าที่ร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านเพียง 100 เมตร บอกตรงๆว่า เหนื่อยมากๆ เดินแทบไม่ไหวก็เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอก็ตรวจสารพัดที่หมออยากตรวจ หมอก็บอกทุกอย่างปกติดี ตัวเราเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าร่างกายเราไม่ปกติแน่ๆ จึงตัดสินใจเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตประจำวัน โดยทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ทานผัก ผลไม้ เป็นส่วนใหญ่ ออกกำลังกายทุกวัน ทานอาหารเสริม ผู้เขียนปฎิบัติแบบนี้เพียงแค่ 1 อาทิตย์ บอกตรงๆว่า ผู้เขียนเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เพราะสุขภาพร่างกายดีกว่าเดิมคนละเรื่อง อาการเหนื่อยก็น้อยลง และปัจจุบันผู้เขียนหายจาก โรคอ้วน เรียบร้อย น้ำหนักตัวจากเดิมใกล้ๆ 90 กิโลกรัม เหลือเพียง 72 กิโลกรัม เท่านั้น นี่คือตัวอย่างของ คนอ้วน ที่เกิดกับตัวผู้เขียนเอง จึงฝากเตือนสำหรับท่านที่ยังเป็น คนอ้วน หรือ โรคอ้วน หากท่านรักชีวิตตนเอง กรุณา ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน โดยเร็วเพื่อตัวของท่านเอง
อนึ่ง วิธีการแก้ปัญหาเพื่อ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน นั้นก็คงต้องเริ่มด้วยการใช้วิธีการ ควบคุมน้ำหนัก โดยควบคุมอาหารการกิน โดยลดปริมาณอาหารที่เคยกินในแต่ละวันลง เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ไม่ใช่ไม่กินเลยนะ คุณจำเป็นต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากงดไม่ทานไขมัน ไม่ทานแป้ง ไม่ทานน้ำตาล ร่างกายของคุณก็จะขาดสารอาหาร คุณก็จะได้โรคใหม่คือ โรคขาดสารอาหาร ดังนั้นต้องทานแต่ให้ปริมาณที่น้อยลง ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็พอ พยายามกินผัก ผลไม้ ที่มีเส้นใยอาหารสูง เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น อาหารที่มีเส้นใยสูงจะไปช่วยในการ ดีท็อก ลำไส้ นั่นเอง ทั้งนี้การ ดีท็อกซ์ ลำไส้ เป็นการขจัดของเสียที่ตกค้างในลำไส้ให้ขับออกจากร่างกาย ดีท็อก ทำให้ลำไส้สะอาด เมื่อ ดีท็อกซ์ ลำไส้ให้สะอาดแล้ว การดูดซึมสารอาหารก็จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการ ควบคุมน้ำหนัก โดยการ ควบคุมอาหาร เพื่อนำไปสู่การ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันจะส่งผลดีต่อร่างกายของคุณนั้น นอกจากการกิน ผัก ผลไม้ และทานอาหารเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำแล้ว พยายามดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่กินจุบกินจิบ หลีกเลี่ยงอาหารขยะ น้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลมาก ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นให้น้อยลง ไม่กินอาหารก่อนนอน หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น หลักๆ ในการ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน คือต้องควบคุมอาหารกินการกิน ทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ ลดปริมาณการกินแป้ง และน้ำตาล ทานให้เพียงพอแค่ความต้องการของร่างกายเท่านั้น ไม่ได้บอกให้งดทานไขมัน แป้ง และน้ำตาล น๊ะ เพราะร่างกายยังต้องการสารอาหารพวกนี้ หากไม่ทานก็จะทำให้ร่างกายคุณขาดสารอาหารได้เช่นกัน นอกจากนี้พยายามทานอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น พืช ผัก ผลไม้ เพื่อเป็นการ ดีท็อก ลำไส้ ขจัดของเสียออกจากลำไส้ เมื่อลำไส้สะอาดร่างกายก็จะดูดซึมสารอาหารและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพยายามดื่มน้ำ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยในการเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น คุณจะสามารถ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่คุณจะขาดไม่ได้ในเรื่องเกี่ยวกับ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน นั่นก็คือ ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เน้นน๊ะ สำคัญมากเรื่องการออกกำลังกาย นอกจากคุณจะ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน ได้แล้ว คุณยังได้สุขภาพที่แข็งแรง อีกด้วย
แนะนำ ผลิตภัณฑ์ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน และเพื่อให้การ ลดน้ำหนัก หรือ ลดความอ้วน เห็นรวดเร็วยิ่งขึ้น ควรใช้คู่กับ ผลิตภัณฑ์ ดีท็อก ซึ่งช่วย ดีท็อกซ์ ให้ลำไส้สะอาดยิ่งขึ้น
Comments